เรื่องน่ารู้กับการซ่อมแอร์เบื้องต้น
ก่อนอื่นมาดูกันว่าปัญหาแอร์เสียที่พบได้บ่อยที่สุดมีอะไรบ้าง แล้วเราจะสามารถจัดการแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไรในกรณีที่ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้รุนแรงจนต้องใช้บริการจากช่างมืออาชีพเสมอไป โดยอาการที่พบบ่อยมีดังนี้
1. เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน ถือเป็นปัญหาอันดับต้นที่พบเจอได้บ่อย โดยอาจพบว่าเครื่องไม่ทำงานตามปกติ สาเหตุอาจเกิดจากฟิวส์ขาด แผงวงจรแอร์ใช้งานไม่ได้ ลวดหลวมไป หรือเทอร์โมสแตทมีปัญหา หากเป็นเช่นนี้ อาจต้องปรับรีเซ็ตระบบทั้งหมดหรือเปลี่ยนอะไหล่ใหม่
2. แอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากตัวทำความเย็นทำงานได้ไม่ดี มีประสิทธิภาพต่ำ หรือมีรอยรั่วก็ได้
3. คอนเดนเซอร์ร้อน หากคอนเดนเซอร์ (Condenser) เกิดปัญหาหรือคอยล์ร้อน มักส่งผลให้เครื่องปรับอากาศปล่อยลมแอร์ร้อนออกมาได้ รวมทั้งยังอาจปล่อยฝุ่นหรือสิ่งสกปรกอื่นออกมาด้วย เพราะตัวคอนเดนเซอร์ติดตั้งอยู่ด้านนอก
4. แอร์เสียงดัง มักเกิดจากใบพัดพัดลมในเครื่องระเบิด ส่งผลให้อีวาพอเรเตอร์ (Evaporator) หรือคอยล์เย็นทำงานผิดปกติ มีสิ่งสกปรกเข้าไปตกค้างภายในเครื่อง เมื่อใบพัดพัดก็จะเกิดเสียงดังอออกมา หากเกิดเช่นนี้อาจต้องปิดเครื่องและเรียกช่างซ่อมแอร์มาดู
5. ท่อแอร์รั่วหรือสกปรก หากคุณรู้สึกว่าเครื่องปรับอากาศทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร มักมีลมอุ่น ๆ หรือบางที่อุ่น บางที่เย็น นั่นก็เพราะลมแอร์ไหลออกมาได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งเกิดจากปัญหาท่อแอร์รั่วหรือมีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ภายในท่อแอร์นั่นเอง
ติดตั้งแอร์ให้ถูกหลัก สบายกายสบายกระเป๋า
เลือกใช้บริการ ช่างซ่อมแอร์ อย่างไร ไม่ให้ถูกโกง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาแอร์เสียบางอย่างก็ค่อนข้างซับซ้อนหรือใหญ่เกินกว่าจะรับมือได้เอง คุณจึงจำเป็นต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญอย่าง "ช่างซ่อมแอร์" เข้ามาจัดการแทน มาดูกันว่าปัญหาแบบไหนที่ควรเรียกช่างซ่อมแอร์ และจะเลือกช่างอย่างไรไม่ให้โดนโกง ดังนี้
1. พิจารณาประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ
สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบคือประสบการณ์การทำงานของช่างซ่อมแอร์ ดูว่ามีประสบการณ์การทำงานด้านนี้มากน้อยแค่ไหน หากเป็นบริษัทที่ให้บริการซ่อมแอร์ต้องดูด้วยว่าบริษัทนั้นจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือ มีเอกสารหรือใบประกอบวิชาชีพที่ได้รับรองตามมาตรฐานทั่วไปหรือไม่
การว่าจ้างบุคลากรหรือบริษัทที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือนับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเครื่องปรับอากาศเกิดขัดข้องหรือมีปัญหาอื่นตามมาภายหลัง คุณจะได้แจ้งหรือเรียกร้องได้ โดยเฉพาะกรณีที่อุปกรณ์ได้รับความเสียหายจากการซ่อมแซมของช่างโดยตรง ก่อนตกลงว่าจ้างงานกันจึงควรสอบถามรายละเอียดส่วนนี้ เงื่อนไขการรับประกันและบริการหลังการขาย รวมทั้งเอกสารรับรองการทำงานของช่างหรือบริษัทให้ชัดเจน
2. ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
"รีวิว" ถือเป็นโฆษณาที่ไม่ต้องโฆษณาคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการที่น่าเชื่อถือไม่แพ้กัน เพราะกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ตรงของผู้ใช้งานจริง คุณอาจเริ่มหาช่างซ่อมแอร์บ้านหรือบริษัทที่มีบริการดังกล่าวจากการอ่านรีวิวหรือการบอกต่อของผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อนก็ได้
อย่างไรก็ตาม ก็ควรฟังหูไว้หู เพราะรีวิวทุกรีวิวก็ไม่ได้น่าเชื่อถือเสมอไป บางรีวิวก็เขียนค่อนข้างสั้น อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกด้านของการบริการที่ทำให้เราเห็นได้ว่า "ช่างซ่อมแอร์" คนนี้ หรือบริษัทนี้ดีจริง
ทั้งนี้ หากมีรีวิวเชิงลบหรือวิจารณ์เกี่ยวกับการให้บริการแนวเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ คุณต้องเก็บเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แล้วมาเปรียบเทียบน้ำหนักดูว่าจะเลือกใช้บริการหรือไม่
3. ราคา
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ "ราคา" จริงอยู่ที่คนเรามักชอบของถูก แต่ต้องดูด้วยว่าของถูกนั้นมาพร้อมสิ่งที่ดีด้วยหรือไม่ ส่วนใหญ่แล้ว การให้บริการที่มีราคาถูกเกินไปมักมาพร้อมกับการจบงานที่ไม่ละเอียดและทิ้งปัญหาไว้ภายหลัง คุณจึงควรศึกษาตลาดค่าแรงของช่างซ่อมแอร์ว่าตกอยู๋ที่เท่าไหร่โดยประมาณ
โดยอาจอิงจากประสบการณ์ของช่างเป็นหลัก เพื่อดูว่าสายงานช่างซ่อมแอร์ที่มีประสบการณ์เท่านี้มักเรียกค่าจ้างต่องานมากน้อยแค่ไหน หากมีค่าอุปกรณ์เสริมที่เราต้องจ่ายเองกรณีเปลี่ยนอะไหล่บางตัว ก็ต้องรู้ด้วยว่าอะไหล่ตัวนั้นราคาเท่าไหร่ เพื่อนำมาใช้คำนวณให้ได้ราคาที่ใกล้เคียง ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป
ที่สำคัญหากคุณกำลังมองหาบริษัทที่ให้บริการซ่อมแอร์ ก็ควรดูด้วยว่าบริษัทนั้นมีข้อเสนอราคาพิเศษหรือโปรโมชันหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องสอบถามรายละเอียดหรือเงื่อนไขอื่น ๆ ให้แน่ใจว่าครอบคลุมบริการส่วนไหนบ้าง
4. รายละเอียดว่าจ้างและเงื่อนไข
เนื่องจากราคาจ้างช่างของแต่ละที่แตกต่างกัน คุณจึงควรทำสัญญาลงรายละเอียดและเงื่อนไขว่าจ้างให้ละเอียดและเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะการว่าจ้างปากเปล่าหรือติดต่อทางโทรศัพท์อาจนำมาสู่การสื่อสารคลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้ คุณควรดูรายละเอียดของเรื่องการรับประกัน อุปกรณ์หรืออะไหล่ที่นำมาเปลี่ยนแทนของเดิม (ถ้ามี) วันเริ่มงานและจบงาน
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจว่าจ้างได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อตกลงรับงานกันเรียบร้อยแล้ว ต้องตรวจสอบรายละเอียดการทำงานอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาแอร์เสียคืออะไร ซ่อมตรงไหนบ้าง และค่าใช้จ่ายในการซ่อมทั้งหมดเท่าไหร่ เพื่อลดความเสี่ยงการสื่อสารผิดพลาดให้มากที่สุด
5. เงื่อนไขการบำรุงรักษา
แม้ว่าคุณอาจไม่ได้คำนึงถึงประเด็นนี้ตั้งแต่มองหาช่างซ่อมแอร์ตั้งแต่แรก แต่การบำรุงรักษาหลังให้บริการก็เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่ด้วย โดยทั่วไปแล้ว ช่างซ่อมแอร์มืออาชีพหรือบริษัทที่ให้บริการด้านนี้จะมีบริการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศให้อยู่แล้ว ซึ่งมักมาในรูปแบบสัญญารายปี คุณสามารถโทรติดต่อช่างและแจ้งปัญหาได้โดยตรง รวมทั้งรับทราบรายละเอียดบริการและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามสมควร