ขนาดเครื่องปั่นไฟมีแบบไหนบ้าง?
เราสามารถแบ่งเครื่องปั่นไฟตามการใช้งานได้ 2 ขนาด คือ
- ขนาด เล็ก-กลาง เครื่องปั่นไฟขนาดนี้ นิยมนำไปใช้ในครัวเรือน ตามไซต์งานก่อสร้างขนาดเล็ก รวมถึงนำไปใช้กับงานเชื่อมโลหะ โดยเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กนั้น มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 1-20 KVA ส่วนขนาดกลาง มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 20-50 KVA
- ขนาดใหญ่ เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ นิยมนำไปใช้ตามงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ในโรงงาน โรงแรม ในอาคารสูง เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 50-100KVA ขึ้นไป
ประโยชน์ของเครื่องปั่นไฟ
👉 จุดประสงค์หลักของเครื่องปั่นไฟ เพื่อการผลิตไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากในการนำไปใช้กับพื้นที่ต่างจังหวัดที่ห่างไกล และมีปัญหาเรื่องของไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง แต่ถ้ามีเครื่องปั่นไฟ คนในพื้นที่นั้น ๆ จะสามารถใช้ไฟฟ้าได้ทันที แต่ในปัจจุบันนี้อาจจะได้เห็นการใช้งานเครื่องปั่นไฟน้อยลงแล้ว เพราะมีการสนับสนุนให้ติดตั้งโซล่าเซลล์แทน ถ้าหากสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากและขายให้กับโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย
👉 วัตถุดิบหลักที่นำมาใช้กับเครื่องปั่นไฟในอดีต คือน้ำมัน พลังงานชนิดหนึ่งที่มีต้นทุนสูงมาก และมีราคาผันผวนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ต้องมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบของเครื่องปั่นไฟให้สามารถใช้พลังงานจากอย่างอื่นได้มากยิ่งขึ้น เช่น พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ, พลังงานน้ำ, พลังงานลม เป็นต้น
👉 การติดตั้งเครื่องปั่นไฟตามที่ต่าง ๆ เพื่อไว้ใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำรอง ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เช่น ไฟดับ, รถชนเสาไฟฟ้า, ฝนตกหนักพายุเข้า จนเป็นเหตุให้ไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ การติดตั้งเครื่องปั่นไฟเพื่อให้มีพลังงานสำรอง จะช่วยยืดเวลาในการเตรียมตัวปิดเครื่องจักร หรือกระทำการใด ๆ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
การดูแลเครื่องปั่นไฟ
เพื่อให้การทำงานของเครื่องปั่นไฟมีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว วิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟอย่างถูกวิธี จึงมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ที่จะทำให้เครื่องปั่นไฟของคุณมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวและคุ้มค่ามากที่สุด
1. ก่อนการตรวจสอบและดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟของคุณทุกครั้ง คุณจะต้องทำการปิดสวิตซ์ไฟและปิดระบบการจ่ายไฟของเครื่องปั่นไฟก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดเองขณะทำการตรวจเช็คได้
2. ในทุกการใช้งานตลอดระยะเวลา 20 ชั่วโมงของการใช้งานเครื่องปั่นไฟคุณจะต้องตรวจสอบและดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟ ดังนี้
- ตรวจสอบระดับน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องยนต์ โดยระดับน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องปั่นไฟที่เหลือ จะต้องไม่มีตะกอนหรือคราบดำปรากฏให้เห็น และจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องยนต์ทุกครั้งก่อนการใช้งาน เพื่อเป็นการบำรุงรักษาสภาพเครื่องยนต์ภายในให้มีสภาพดีอยู่เสมอ
- ทำความสะอาดหม้อน้ำกลั่นในเครื่องปั่นไฟ โดยการใช้ผ้าแห้งเช็ด และทำการตรวจสอบสภาพน้ำกลั่น ซึ่งจะต้องมีความใสบริสุทธิ์ ไม่มีตะกอนหรือเปลี่ยนสี
- หลังจากการใช้งานทุกครั้ง ในบริเวณสายไฟหรือขั้วต่อในเครื่องปั่นไฟ จะต้องทำการหมุนขั้วสายไฟให้แน่น และใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ
- สายพานของเครื่องปั่นไฟ ควรใส่น้ำมันหล่อลื่นทุกครั้งหลังการใช้งาน และควรเปลี่ยนสายยางทันทีหากสายยางชำรุดเสียหาย
3. ในส่วนของหม้อน้ำรังผึ้งด้านนอกของเครื่องปั่นไฟหลังจากการใช้งาน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิและป้องกันฝุ่นละออง
4. ในทุก ๆ 3 เดือน หรือการใช้งาน 250 ชั่วโมง จะต้องมีวิธีการดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟ ดังนี้
- ทำการถ่ายน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องปั่นไฟ
- เปลี่ยนไส้กรองของน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องปั่นไฟ
- ตรวจสอบท่อสายยางและเหล็กรัดท่อในเครื่องปั่นไฟหากชำรุดให้ทำการเปลี่ยนทันที
- ตรวจสอบสภาพน๊อตของเครื่องปั่นไฟให้หนาแน่นอยู่เสมอ หากชำรุดให้ทำการเปลี่ยนทันที
5. ในทุก ๆ 6 เดือน หรือการใช้งาน 500 ชั่วโมง จะต้องมีวิธีการดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟ ดังนี้
- ทำการเปลี่ยนไส้กรองเชื้อเพลิงของเครื่องปั่นไฟ
- ทำการเปลี่ยนไส้กรองอากาศของเครื่องปั่นไฟ
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องปั่นไฟ
- ก่อนจะตรวจเช็คอุปกรณ์ใด ๆ ของเครื่องปั่นไฟ ถ้าระบบของเครื่องปั่นไฟเป็นแบบจ่ายกระแสอัตโนมัติ ให้ปรับไปที่ตําแหน่ง OFF หรือปลดขั้วสายแบตเตอรี่ออกเสียก่อน เพื่อป้องกนการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องยนต์สตาร์ทเองขณะทําการตรวจเช็ค
- ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่
- ไม่จ่ายกระแสเกินกำลังของเครื่องปั่นไฟ
- ไม่ควรปรับอุปกรณ์ใดๆ ขณะจ่ายกระแสไฟฟ้า ถ้ามีความผิดปกติใด ๆ ให้งดจ่าย Load แล้วจึงทำการแก้ไข
- ไม่ควรทิ้งเครื่องยนต์โดยไม่มีผู้ดูแลขณะเครื่องกำลังทำงานอยู่
- ไม่ควรเปิด-ปิดเบรกเกอร์สำหรับจ่าย Load บ่อย ๆ โดยไม่จำเป็น
- สถานที่ติดตั้งเครื่องปั่นไฟ ต้องมีการระบายอากาศเป็นอย่างดีและไม่ควรมีฝุ่นละออง ไม่เป็นสถานที่เก็บสารเคมีหรือวัตถุไวไฟอื่น ๆ นอกจากน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์เท่านั้น
- ขณะจ่าย Load ควรตรวจสอบกระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า ความถี่ทางไฟฟ้าอยู่เสมอ
- ขณะจ่าย Load ควรตรวจสอบแรงดันน้ำมันเครื่องและอุณหภูมิของเครื่องยนต์
- ในการติดตั้งเครื่องปั่นไฟ จำเป็นต้องเดินสายดินโดยต่อกับแท่งทองแดง หรือ Ground Rod ที่ฝังอยู่ใต้ดินตามมาตรฐานกำหนด ทั้งนี้ต้องต่อตัวเครื่องยนต์และตู้ควบคุม