ฝากขายบ้าน ทำอะไรบ้าง
ฝากขายบ้าน วิธีขายฝาก หมายถึง สัญญาซื้อขายซึ่งเจ้าของในทรัพย์สินตกไปยังผู้ซื้อ โดยมีกติกากันว่า คนขายอาจไถ่สมบัติพัสถานนั้นคืนได้ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในคำสัญญา หรือมิฉะนั้นในกำหนดเวลาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นถ้าหากเป็นอสังหาริมทรัพย์ ตัวอย่างเช่น บ้าน ที่ดิน ต้องไถ่ข้างใน 10 ปี นับตั้งแต่ตอนที่มีการค้าขาย แต่ว่าถ้าเกิดเป็นสังหาริมทรัพย์ ต้องไถ่ข้างใน 3 ปีนับแม้กระนั้นค้าขาย
แม้เกินกำหนดตอนนี้แล้วกฎหมายจัดว่า เจ้าของในเงินทองที่จำหน่ายฝากกัน ตกเป็นของผู้รับซื้อฝากในทันที ในกรณีที่ลงลายลักษณ์อักษรตั้งเวลาไถ่นานเกินกว่า 10 ปี 3 ปี ก็จำต้องน้อยลงมาเป็น 10 ปี 3 ปี หรือถ้าลงลายลักษณ์อักษรตั้งเวลาไถ่ต่ำยิ่งกว่า 10 ปี 3 ปี ก็จะขยายเวลาไม่ได้หลักสำคัญของการขายฝาก อยู่ที่ควรมีการส่งมอบการครอบครอง
โดยตรงหรือปริยายให้แก่ผู้รับซื้อฝากพร้อมด้วยเจ้าของ แต่ว่าเมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว คนขายฝากมีสิทธิที่จะไถ่ถอนได้ ด้วยเหตุนั้นในตอนที่ยังขายฝากกันอยู่รวมทั้งกรรมสิทธิ์ตกแก่คนรับซื้อฝาก ผู้รับซื้อฝากอาจจะนำเงินไปทำอย่างใดก็ได้ ใครๆก็ไม่มีสิทธิห้ามข้อแตกต่างระหว่าง “แนวทางการขายฝาก” กับ “การจำนอง” คือ การจำนำนั้นผู้จำนองนำทรัพย์สินของตน เช่น บ้าน-ที่ดินไปรับรองหนี้เงินกู้ยืม
ถ้าผิดนัดไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็จะฟ้องร้องคดีรวมทั้งบังคับคดียึดทรัพย์สินที่เอามารับรองไว้ แต่ว่าการขายฝากเป็นการนำเงินไปขายให้แก่คนอื่นๆภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เมื่อถึงเวลาแล้วคนขายฝากมีสิทธิไถ่ถอนได้ หากเกินกำหนดก็เสียกรรมสิทธิ์ในทันทีส่วนใหญ่แล้ว ผู้รับซื้อฝากกับคนขายฝากจะมีการลงลายลักษณ์อักษรในลักษณะปีต่อปี
เพื่อหลบหลีกกฎหมายว่าด้วยวิธีขายฝากที่มีตั้งเวลาไถ่ถอนไว้ ห้ามต่อเวลาห้ามเลื่อนเวลาทั้งหมดทั้งปวง แม้กระนั้นสิ่งหนึ่งที่มักจะไม่ได้นึกฝัน คือ การที่ทำข้อตกลงปีต่อปีนั้น ทุกหนจำเป็นต้องเสียภาษีที่เกี่ยวข้องหลายหมวดหมู่ทุกหนไป เป็นต้นว่า กรณีขายฝากบ้าน-ที่ดิน จะต้องเสียภาษีอากรธุรกิจเฉพาะร้อยละ 3.3 ของราคาขายฝากทั้งปวง ค่าธรรมเนียมการโอนและก็ค่าอากรปริมาณร้อยละ 2.5 และยังค่าภาษีอากรเงินได้บุคคลปกติ นี่ยังไม่นับค่าภาษีโรงเรือนและก็ที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ที่ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ต้องเสียทุกปี
คนรับซื้อฝากที่ได้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินควรจะเป็นผู้จ่าย แม้กระนั้นแน่นอนว่าจำต้องผลักภาระไปให้ผู้ขายฝากซึ่งเป็นเจ้าของเดิมจ่ายแทนเสมอ ภาษีที่กล่าวถึงกลุ่มนี้ คนขายฝากจะต้องเป็นคนแบกภาระทุกๆครั้ง ซึ่งเมื่อนำมาคิดคำนวณแล้วยอดเงินที่ผู้ขายฝากจำต้องจ่ายไปทั้งสิ้น กลับสูงขึ้นมากยิ่งกว่าที่ได้รับมาตอนขายฝากเสียอีกก็เลยมองเห็นได้ว่าสัญญาขายฝากเป็นคำสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบคนขายฝากเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งแม้เผลอไม่ไปไถ่คืนในตั้งเวลาก็ต้องเสียกรรมสิทธิ์ในทันที
ขายฝาก”หมายถึงสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในเงินทองตกไปยังผู้บริโภค โดยมีกติกากันว่าคนขาย อาจไถ่ทรัพย์สินนั้นคืนได้ (ป.พ.พ. มาตรา 491) ดังนี้:
1. ข้อตกลงขายฝากเป็นสัญญาที่เจ้าของในทรัพย์สินตกเป็นของคนรับซื้อฝากทันทีที่ลงทะเบียน ซึ่งผู้ขายฝากจะได้รับเจ้าของในที่ดินคืนกลับจำเป็นต้องขอไถ่ถอนด้านในตั้งเวลาข้อตกลงขายฝาก หรือภายในเวลาที่ข้อบังคับกำหนด กล่าวคือ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์มีระบุ 10 ปี แล้วก็ถ้าเกิดเป็นสังหาริมทรัพย์มีระบุ 3 ปี นับจากเวลาซื้อขาย
2. คำสัญญาขายฝากจะต้องมีกำหนดช่วงเวลาว่าจะไถ่คืนกันเมื่อใด แม้กระนั้นจะกำหนดเวลาการไถ่คืนกันเกินกว่าที่ข้อบังคับระบุมิได้ ถ้าไม่มีตั้งเวลาแน่นอนหรือตั้งเวลาไถ่เกินความจำเป็นกว่านั้นให้ลดลงมาเป็น 10 ปี และก็ 3 ปี ตามชนิดสินทรัพย์
3. การขยายกำหนดเวลาไถ่ คนขายฝากและคนซื้อฝากจะลงลายลักษณ์อักษรขยายเวลาไถ่กี่ครั้งก็ได้แต่ว่ารวมกันแล้วจำเป็นต้องไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันลงลายลักษณ์อักษรขายฝาก และก็ควรจะมีหลักฐานเป็นหนังสือลงนามของ คนรับซื้อฝาก ซึ่งถ้าเกิดเงินที่ขายฝากต้องทำเป็นหนังสือและขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คำสัญญาขยายตั้งเวลาไถ่จากการขายฝากจะต้องลงบัญชีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะชูเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าแรงงานรวมทั้งโดยสุจริตมิได้
4. ผลของการใช้สิทธิไถ่ข้างในกำหนด กรรมสิทธิ์ในเงินทองซึ่งขายฝากจะเป็นของผู้ขายฝากตั้งแต่ในตอนที่คนขายฝากจ่ายสินไถ่หรือวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่ เงินทองซึ่งไถ่นั้นผู้ไถ่ย่อมได้รับคืนโดยปราศจากจากสิทธิอะไรก็แล้วแต่ซึ่งผู้ซื้อเดิม หรือทายาทหรือคนรับโอนจากคนซื้อเดิมส่งผลให้เกิดขึ้นก่อนถึงเวลาไถ่ เว้นเสียแต่แม้กระนั้นเป็นการเช่าทรัพย์สินที่อยู่ในระหว่างขายฝากซึ่งได้ลงทะเบียนต่อบุคลากรเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการเช่านั้นไม่ทำให้ผู้ขายฝากหรือผู้ไถ่เสียหาย ตั้งเวลาเช่ามีคงเหลืออยู่เพียงใดให้อาจบริบูรณ์เท่านั้น
แม้กระนั้นจำต้องไม่มากกว่าหนึ่งปีประเภทของการจดทะเบียนยังแบ่งได้เป็น
1. ขายฝาก มีระบุ….ปี มีความหมายว่า การจดทะเบียนขายฝากทั้งยังแปลง ไม่ว่าในหนังสือแสดงสิทธิจะมีชื่อคนเดียวหรือชื่อคนจำนวนไม่น้อย ทุกคนขายพร้อมกัน
2. ขายฝากเฉพาะส่วน มีกำหนด …ปี หนังสือแสดงสิทธิมีชื่อผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย บางคนหรือผู้คนจำนวนมากแม้กระนั้นไม่ทั้งผองขายเฉพาะส่วนของตนไป ส่วนของบุคคลอื่นบางบุคคลมิได้ขาย
3. ไถ่ถอนจากขายฝากแล้วก็ไถ่คืนจากขายฝากเฉพาะส่วน แสดงว่า คนขายฝากได้ขอใช้สิทธิไถ่คืนขายฝากภายในกำหนดอายุเวลาในข้อตกลงขายฝาก หรือภายในตั้งเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ สิบปี
4. แบ่งไถ่จากขายฝาก มีความหมายว่า ผู้ขายฝากได้ขายฝากที่ดินรวมกันหลายแปลงในสัญญาขายฝากฉบับเดียวกันหรือขายฝากไว้แปลงเดียวถัดมามีการแยกที่ดินแปลงที่ขายฝากออกไปอีกหลายแปลง ข้างในอายุสัญญาขายฝาก ผู้ขายฝากและก็ผู้รับซื้อฝากตกลงให้ไถ่ถอนขายฝากที่ดินไปบางแปลง และก็บางแปลงยังคงขายฝากอยู่อย่างที่เคย โดยลดจำนวนเงินที่ขายฝากลงตามแต่คนขายฝากและคนรับซื้อฝากจะตกลงกัน
5. ปลดข้อแม้การไถ่จากขายฝาก และก็ปลดข้อแม้การถอนจากขายฝากเฉพาะส่วน หมายความว่า คนขายฝากรวมทั้งคนรับซื้อฝากได้ตกลงกันในระหว่างอายุสัญญาขายฝากว่าผู้ขายฝากขอสละสิทธิการถอนจากขายฝาก พูดอีกนัยหนึ่ง จะไม่ขอใช้สิทธิการไถ่คืนจากขายฝากอีกต่อไปแล้ว สินทรัพย์ที่ขายฝากไว้ก็เลยพ้นจากข้อตกลงการไถ่ เทียบภาวะเช่นเดียวกับเป็นการขายธรรมดานับตั้งแต่ขึ้นทะเบียนปลดข้อตกลงการไถ่
6. โอนสิทธิการถอนจากขายฝาก แล้วก็โอนสิทธิการไถ่คืนจากขายฝากเฉพาะส่วน แปลว่าในอายุสัญญาขายฝาก คนขายฝากมีสิทธิที่จะไถ่คืนจากขายฝากได้ แต่ว่าผู้ขายฝากได้โอนสิทธิการถอนดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นให้บุคคลอื่นไป จะโดยเสน่หาไร้คุณค่าทดแทนหรือมีค่าตอบแทนก็ได้ แต่ว่าจะต้องให้ผู้รับซื้อฝากรับรู้และให้ถ้อยคำยอม
7. แบ่งแยกในชื่อเดิม (ระหว่างขายฝาก) การขายฝากเป็นสัญญาซื้อขายเจ้าของในเงินทองตกไปยังผู้บริโภคฝาก ส่วนผู้ขายฝากมีแต่สิทธิการถอน ผู้บริโภคฝากย่อมทำการแยกหรือขายจ่ายโอนสมบัติพัสถานที่ขายฝากได้เมื่อได้รับคำยินยอมจากคนขายฝากแล้ว โดยผู้ซื้อฝากเป็นผู้ยื่นคำขอปฏิบัติงาน หนังสือแสดงสิทธิ
ขายฝากหมายถึงอะไร (แบบเข้าใจง่าย) ? ฝากขายบ้าน
ขายฝาก เป็นการตกลง ขายฝาก คือ การทำข้อตกลงเพื่อกู้ยืมเงินซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างแพร่หลาย ในประเทศไทย เนื่องจากผู้กู้หนี้ยืมสินจะได้รับการอนุมัติเร็ว ผู้ลงทุนที่รับทำชอบให้วงเงินสูงกว่าจำนำออกจะมาก และจะไม่มอง Statement ไม่เชคแบลคลิส แล้วก็เครดิตลูกหนี้ โดยเนื้อหาของคำสัญญาแบ่งออกเป็น ข้อๆดังนี้การทำข้อตกลง ขายฝาก คือ การตกลงกู้หนี้ยืมสิน ที่ลูกหนี้จะกระทำการขายบ้านให้กับเจ้าหนี้ แม้กระนั้นมีข้อตกลงกันเพิ่มอีกว่า ลูกหนี้สามารถซื้อบ้านคืนได้ตามระยะเวลาที่ระบุกันไว้ ดังเช่น
“นายตู่ นำบ้านพร้อมที่ดิน ไปทำ ข้อตกลง ขายฝาก กับ นางปู โดยทำคำสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี”ความหมายเป็น นายตู่ กระทำขายบ้านพร้อมที่ดินให้กับ นางปู โดยถ้าเกิดข้างใน 1 ปีข้างหลังทำสัญญา แม้นายตู่อยากได้ซื้อบ้านคืน นางปูจำเป็นที่จะต้องทำขายให้โดยไม่มีข้องดเว้น แม้พ้น 1 ปีไปแล้ว บ้านพร้อมที่ดินนี้ใกล้จะถึงกลายเป็นเจ้าของของ นางปู โดยบริบูรณ์การ ทำความตกลง ขายฝาก สามารถทำความตกลงได้สูงสุด 10 ปีแม้ครบข้อตกลงแล้ว ผู้ขายบ้านยังไม่พร้อมไถ่คืน สามารถขอต่อสัญญาได้ไม่กำหนดจำนวนครั้งแม้ครบสัญญาแล้ว
ผู้ขายบ้านยังไม่พร้อมไถ่คืน สามารถขอต่อสัญญาเพิ่มได้นานสูงสุด 10 ปี ตัวอย่างเช่น ทำข้อตกลงกันไว้ 1 ปี ผู้ขายฝากสามารถขอต่อสัญญา เพิ่มได้อีก 9 ปีข้อตกลง ขายฝาก อสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องลงลายลักษณ์อักษรในกรมที่ดิน ต่อหน้าข้าราชการเพียงแค่นั้นอสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิดสามารถ เอามา ขายฝากได้ ดังเช่นว่า บ้าน ที่ดิน อพาร์ทเมนท์ คอนโด ฯลฯดอกเบี้ย ขายฝาก คิดอย่างไร ?ตามกฏหมายแล้วจะใช้คำว่า สินไถ่ หรือราคาซื้อคืน จำเป็นต้องกำหนดไว้ตั้งแต่ลงลายลักษณ์อักษร ณ กรมที่ดิน เยอะแค่ไหนก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน แต่จึงควรไม่เกินราคาขายฝาก + ผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี ตัวอย่างเช่น
“นายตู่ นำบ้านพร้อมที่ดิน ไปทำ สัญญาขายฝาก ไว้กับ นางปู โดยการทำคำสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี ราคาขายฝากที่ 100,000 บาท แสดงว่าเมื่อครบ 1 ปี ราคาไถ่คืนรวมแล้วต้องไม่เกิน 115,000 บาท”ระหว่างที่ทำขายฝาก บ้าน ที่ดินเราจะปลอดภัยหรือไม่ ?สำหรับผู้ขายฝาก ที่วิตกกังวลว่าระหว่างที่อยู่ในสัญญา ผู้รับซื้อฝากจะนำบ้านของท่านไปขายต่อนั้น ขอบกล่าวว่าไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ เนื่องจากตามคำสัญญาขายฝากแล้ว คนรับซื้อฝากจะห้ามนำ บ้าน ที่ดิน ที่อยุ่ในคำสัญญามาขาย หรือโอนไปให้ผู้อื่นเด็ดขาด! นอกเหนือจากที่จะขายคืนให้ผู้ขายฝากเท่านั้นแล้วถ้าเกิดผู้ซื้อฝากฝ่าฝืน นำบ้าน ที่ดินนี้ไปขายหละ? ถ้าในกรณีนี้คนขายฝา่ก สามารถเรียกค่าชดเชยได้เต็มจำนวนราคาขายฝาก สมมุติว่า ลงลายลักษณ์อักษรกันไว้ที่ 100,000 บาท ก็สามารถเรียกร้องเงินคืนได้ 100,000 บาทครับผมเมื่อครบคำสัญญา ติดต่อนักลงทุน มิได้จะทำยังไง ?สำหรับคนรับซื้อฝาก บางคน ซึ่งเป็นนักลงทุนแย่ๆเล่นตุกติกกับผู้ขายฝาก ครบคำสัญญา ไถ่ถอนแล้วหนีหาย ติดต่อมิได้ในจุดนี้คนขายฝากไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะเหตุว่าท่านสามารถไปวางเงินไถ่ถอนเหมาะ สำนักงานวางทรัพย์สมบัติ ซึ่งจะก่อให้ทรัพย์ที่ขายฝากกลับมาเป็นเจ้าของของท่านในทันทีซึ่งที่ทำการวางทรัพย์สมบัติ สามารถติดต่อถึงที่เหมาะ ต่อไปนี้
สำนักงานวางทรัพย์สมบัติกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เลขที่ 189/1 ถนนบางขุนความยินดี แขวงบางขุนนันท์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร โทร.02-8875142 – 4ส่วนภูมิภาค ติดต่อที่ที่ทำการบังคับคดีแล้วก็วางสมบัติพัสถานภูมิภาค หรือประจำศาลในจังหวัดที่ไม่มีที่ทำการบังคับคดีและวางทรัพย์สมบัติภูมิภาค หรือประจำศาลตั้งอยู่ ให้ไปติดต่อกับจ่าศาลของศาลนั้นๆเพื่อจัดส่งแก่ที่ทำการบังคับคดีและวางสมบัติพัสถานภูมิภาคดำเนินการข้อควรไตร่ตรอง
สำหรับในการทำสัญญาขายฝาก ? ก่อนทำความตกลง ควรจะคุยรายละเอียดเรื่องข้อตกลงตัวอย่างเช่น วงเงิน, ดอก, การหักดอก, วันลงลายลักษณ์อักษร กันอย่างพิถีพิถันให้เข้าใจตรงกัน คุยเผื่อในระยะยาวเรื่องการต่อสัญญา ว่าสามารถทำเป็นมั้ย
ชำระเงินต้นเพื่อลดดอกได้หรือเปล่า เพื่อความไม่กังวลใจกันทั้งสองฝ่ายสำหรับเรื่องราวของการขายฝาก ยังมีหัวข้อน่าพึงพอใจที่น่าจะเรียนเพิ่มอีกล้นหลาม ก่อนคิดที่จะลงนาม ติดตามพอดี Link ต่อแต่นี้ไปเลยครับ..การขายฝาก มีข้อดี ข้อตำหนิ เช่นไร?เอาไงดี? ขายฝาก ครบข้อตกลง แม้กระนั้นยังไม่พร้อมไถ่ถอน
ขายฝากกับฝากขาย เช่นเดียวกันหรือเปล่า ?
ขายฝากเป็นวิธีการทำนิติกรรมกู้ยืมอย่างหนึ่ง โดยมีอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ของคนขายฝาก (ลูกหนี้) เป็นหลักประกัน ซึ่งจำนวนมากนิยมลงลายลักษณ์อักษรโดยใช้อสังหาริมทรัพย์ในการขายฝากมากกว่า ซึ่งผู้รับขายฝาก (เจ้าหนี้) จะได้รับดอกสูงสุดต่อปี 15 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งวิธีขายฝากลูกหนี้จะได้รับการยินยอมกู้ยืมเงินอย่างรวดเร็วไม่ต้องคอยผ่านแบงค์ และมีโอกาสที่จะได้อนุมัติวงเงินสูงสุดสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ของราคาประเมิน ซึ่งลูกหนี้จำต้องโอนสินทรัพย์ให้เจ้าหนี้ต่อหน้าข้าราชการบุคลากร ณ กรมที่ดิน และลูกหนี้สามารถไถ่ถอนสินทรัพย์คืนได้ตามระยะเวลาระบุ (ไม่เกิน 10 ปีตามกฎหมาย) โดยเจ้าหนี้จะต้องคืนเงินทองให้โดยไม่มีข้องดเว้น
นอกเสียจากว่าลูกหนี้ผิดนัดใช้หนี้ใช้สินจนกระทั่งเลยช่วงเวลาที่กำหนดไหมมาขอต่อสัญญา เจ้าหนี้จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นโดยเพอร์เฟ็ค ซึ่งเจ้าหนี้จะนำทรัพย์สินนั้นไปทำอะไรต่อก็ได้ แต่ว่าถ้าเกิดยังอยู่ในช่วงระหว่างคำสัญญาแนวทางการขายฝากเจ้าหนี้ไม่สามารถที่จะนำเงินนั้นไปทำนิติกรรมใดๆได้ฝากขายเป็นการที่ผู้ฝากขาย (เจ้าของอสังหาริมทรัพย์) ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน ที่ดิน คอนโด รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์อื่นๆฝากให้คนรับฝากขาย (ตัวแทนนายหน้าหรือบริษัทโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์) ช่วยขายบ้านขาย
ที่ดิน หรือคอนโดให้ ซึ่งตัวแทนคนกลางหรือบริษัทโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์จะช่วยโปรโมทหรือโฆษณาให้ผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์สามารถขายทรัพย์สินได้ง่ายและก็เร็วเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องเสียค่าคอมมิชชั่นให้ผู้แทนคนกลางราว 3 เปอร์เซ็นต์ ของหลักทรัพย์ที่ขายได้ โดยเจ้าของในหลักทรัพย์ไม่ได้โอนไปให้ตัวแทนนายหน้า
แต่ว่าจะโอนให้คนซื้อเมื่อขายเงินได้จริง ซึ่งการฝากขายต้องมีการทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจกันอย่างแม่นยำสรุปความแตกต่างของแนวทางการขายฝากกับฝากขายแนวทางการขายฝากเป็นการทำนิติกรรมกู้หนี้ยืมสินอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างคนขายฝาก (ลูกหนี้) กับคนรับขายฝาก (เจ้าหนี้) แม้กระนั้นการฝากขายคือการที่ผู้ฝากขาย (เจ้าของเงินทอง)
ให้ผู้รับฝากขาย (ตัวแทนคนกลาง) ช่วยขายเงินทองแทน โดยได้เงินเดือนเป็นผลกำไรจากผู้ฝากขายการขายฝากผู้ขายฝากจำต้องโอนกรรมสิทธิ์เงินให้คนรับขายฝาก โดยได้รับวงเงินอนุมัติสูงขึ้นมากยิ่งกว่าราคาประเมินโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ซึ่งผู้ขายฝากสามารถไถ่คืนเงินทองคืนได้ตรงเวลาระบุ แต่การฝากขายผู้ฝากขายไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้รับฝากขาย ผู้รับฝากขายไม่ใช่ลูกหนี้ถือเป็นผู้แทนเพียงแค่นั้น
ซึ่งเจ้าของจะตกเป็นของผู้บริโภคเมื่อกระทำการขายสินทรัพย์ได้จริงหน้าที่ของผู้ขายฝาก เป็นจำต้องใช้หนี้ให้คนรับขายฝากตามช่วงเวลาที่กำหนด ก็เลยจะสามารถไถ่ถอนสินทรัพย์คืนได้ ด้านหน้าที่ของผู้ฝากขาย คือจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับคนรับฝากขาย